วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

โครงการอาชีวศึกษาร่วมด้วยช่วยประชาชน "ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน" เทศกาลปีใหม่ 2557


สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาและกรมการขนส่งทางบก ร่วมดำเนินโครงการอาชีวศึกษาร่วมด้วยช่วยประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 จังหวัดอ่างทองโดยวิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง ได้เปิดให้บริการตรวจเช็คสภาพรถแก่ประชาชนตามโครงการ "ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภันแน่นอน" ช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2556 - 2 มกราคม 2557 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 24.30 น. บริเวณหน้าร้านอ่างทองแทรคเตอร์ ตำบลบ้านอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง
----------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
27 ธ.ค.56

ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดอ่างทอง รับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ชี้แจงคำพิพากษาในคดีปราสาทเขาพระวิหาร ปี 2505

     นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง แจ้งว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนได้รับทราบ กรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีคำพิพากษาในคดีปราสาทเขาพระวิหาร ปี 2505 ตามคำแถลงของนายกรัฐมนตรีดังนี้
1. ศาลรับฟังข้อต่อสู้ของไทยและได้ตัดสินยืนยันที่จะตัดสินภายในขอบเขตของคำพิพากษาเดิมเมื่อปี 2505
2. ศาลรับฟังข้อต่อสู้ของไทยโดยยืนยันว่า คำพิพากษาเดิมเมื่อปี 2505 นั้น ไม่ได้ตัดสินเกี่ยวกับประเด็นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะเป็นประเด็นที่อยู่นอกเหนือจากคำพิพากษาเดิม ซึ่งหมายความว่า ศาลไม่รับพิจารณาข้อเรียกร้องของกัมพูชาเหนือพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และที่สำคัญศาลไม่ได้ตัดสินว่าแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ผูกผันกับไทย โดยผลของคำพิพากษาเมื่อปี 2505
3. ศาลรับตีความเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับพื้นที่บริเวณใกล้เคียงปราสาทตามคำพิพากษาเดิมเมื่อปี 2505 โดยศาลอธิบายว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ขนาดเล็กมาก ซึ่งกำหนดขึ้นตามสภาพภูมิศาสตร์ที่ประกอบขึ้นเป็นยอดเข้าพระวิหาร โดยไม่ได้กำหนดเส้นเขตแดน และที่สำคัญไม่รวมพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งในส่วนของพื้นที่บริเวณใกล้เคียงปราสาทนี้ ทั้งสองประเทศจำเป็นต้องหารือกันในรายละเอียดต่อไปโดยกลไกลทวิภาคีที่มีอยู่
4. ศาลได้แนะนำให้ความสำคัญกับการที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันในการอนุรักษ์และพัฒนาปราสาทพระวิหารในฐานะที่เป็นมรดกโลก ดังนั้น รัฐบาลได้สั่งให้ทีมที่ปรึกษากฎหมายศึกษารายละเอียดและสาระสำคัญของคำพิพากษา เพื่อนำข้อคิดเห็นเสนอแนะไปประกอบการพิจารณาดำเนินการของรัฐบาลต่อไป      จึงขอชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทุกท่านทราบทั่วกัน
--------------------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
4 ธ.ค.56



วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การต่ออายุการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง

เพื่อให้การดำเนินการต่ออายุการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นไปตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนด สำนักงาน กสทช. จึงขอให้ผู้ทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงที่มีความประสงค์จะต่ออายุการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ดำเนินการดังต่อไปนี้

๑. การต่อใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง

     ให้ผู้ทดลองประกอบกิจการยื่นแบบรับรองการปฏิบัติตามเงื่อนไขการทดลองประกอบกิจการ และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาต่ออายุการทดลองประกอบกิจการต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก่อนวันที่สิทธิในการทดลองประกอบกิจการเดิมสิ้นสุดลง แต่ไม่เกิน ๙๐ วันก่อนวันที่สิทธิในการทดลองประกอบกิจการเดิมสิ้นสุดลง โดยสามารถตรวจสอบ รายชื่อผู้ทดลองประกอบกิจการที่ถึงกำหนดระยะเวลาต่ออายุ ได้ที่ http://broadcast.nbtc.go.th/radio/radioexpire1
     หากผู้ทดลองประกอบกิจการ ไม่สามารถยื่นแบบรับรองฯ และเอกสารหลักฐานต่างๆ ภายในระยะเวลาได้ ให้ยื่นคำขอขยายระยะเวลาพร้อมเหตุผลความจำเป็นล่วงหน้าอย่างน้อย ๗ วันก่อนวันครบกำหนดระยะเวลา โดยให้ยื่นเป็นหนังสือต่อสำนักงาน ด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ทั้งนี้ ผู้ทดลองประกอบกิจการ สามารถขอขยายระยะเวลาได้ไม่เกิน ๒ ครั้ง ครั้งละ ๑๕ วัน นับแต่วันครบกำหนดระยะเวลา

๒. เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ในการต่อใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง

๒.๑ แบบรับรองการปฏิบัติตามเงื่อนไขการทดลองประกอบกิจการ ที่กรอกข้อมูลครบถ้วนและลงนามโดยผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล/กลุ่มคน พร้อมประทับตราสำคัญ (ถ้ามี)
๒.๒ เอกสารหลักฐานประกอบ ดังต่อไปนี้
๒.๒.๑ สำเนาใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
๒.๒.๒ เอกสารสำคัญตามประเภทของผู้ทดลองประกอบกิจการ

ประเภทกลุ่มคน ได้แก่

(๑) หนังสือมอบอำนาจจากกลุ่มคน
(๒) สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของสมาชิกกลุ่มคนทุกคน(พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)

ประเภทนิติบุคคล ได้แก่

- สำเนาหนังสือสำคัญแสดงการจัดตั้งนิติบุคคล เช่น หนังสือรับรองการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่นายทะเบียนออกให้ไม่เกิน ๖ เดือน
- สำเนาหนังสือแต่งตั้งผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล ตราตั้งเจ้าอาวาส ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการของมูลนิธิ (ม.น.๔) ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการของสมาคม (ส.ค.๖)
- สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีอำนาจกระทำการ

๒.๒.๓ กรณีมอบอำนาจให้ดำเนินการแทน ได้แก่

- หนังสือมอบอำนาจ (ติดอากรแสตมป์ ๓๐ บาท)
- สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้มอบอำนาจ
- สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้รับมอบอำนาจ

๒.๒.๔ ผังรายการหลักของสถานี

๓. กรณีมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง

กรณีที่ผู้ทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการทดลองประกอบกิจการกระจายเสียง ให้ยื่นเอกสารตามข้อ ๒. และยื่นเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้
- แบบคำร้องขอแก้ไขข้อมูลการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ยื่นคำร้อง (พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีผู้มีอำนาจกระทำการแทนมิได้มาดำเนินการด้วยตนเอง) พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ (พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)
- สำเนาหนังสือรับรองห้างหุ้นส่วนบริษัท สำเนาหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนนิติบุคคล สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)(กรณีขอแก้ไขชื่อกรรมการ หุ้นส่วน ผู้ถือหุ้น)
- สำเนาทะเบียนบ้าน สัญญาเช่า หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ แผนที่ตั้งพร้อมระบุพิกัดที่ตั้ง (กรณีขอแก้ไขข้อมูลที่ตั้งสถานี เสาอากาศ)
- สำเนาหนังสือแต่งตั้งผู้อำนวยการสถานี พร้อมพร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้อำนวยการสถานี (กรณีขอแก้ไขชื่อผู้อำนวยการสถานี)
- กรณีเปลี่ยนแปลงรายชื่อกลุ่มคน (ต้องมีสมาชิกกลุ่มคนเดิมคงอยู่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง) ให้ยื่นหนังสือจัดตั้งกลุ่มคนฉบับใหม่ พร้อมรูปถ่าย สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านของสมาชิกกลุ่มคนทุกคน (พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง) และหลักฐานการยินยอมสละสิทธิ์จากสมาชิกกลุ่มคนที่ขอออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มคน

หมายเหตุ กรณีมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการก่อน โดยพิจารณาจากเหตุผลและความจำเป็น เป็นรายกรณี

๔. อัตราค่าธรรมเนียมพิจารณาคำขอ

อัตราค่าธรรมเนียมพิจารณาคำขอ ให้เป็นไปตามประกาศหลักเกณฑ์ว่าด้วยการทดลองประกอบกิจการกระจายเสียง โดยชำระผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ชื่อบัญชี“สำนักงาน กสทช. บัญชีที่ ๑” ธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักพหลโยธิน ประเภทบัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี ๗๙๙-๒-๙๖๑๔๐-๐ และแนบสำเนาใบนำฝากมาพร้อมกับแบบรับรองการปฏิบัติตามเงื่อนไขการทดลองประกอบกิจการและเอกสารหลักฐานประกอบ

๕. ช่องทางการนำส่งเอกสาร

นำส่งด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ตามที่อยู่ดังนี้

"สำนักงาน กสทช. (กลุ่มงานการอนุญาตประกอบกิจการ ๑) อาคารเอ็กซิม เลขที่ ๑๑๙๓ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน
เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐"
ทั้งนี้ โดยวงเล็บมุมซองว่า “(ต่ออายุการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง)”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : กลุ่มงานการอนุญาตประกอบกิจการ ๑ (ปส.๑) สำนักงาน กสทช. หมายเลขโทรศัพท์ ๐๒ ๒๗๑ ๗๖๑๑, ๐๒ ๒๗๑ ๗๖๐๐
-------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
2 ธ.ค.56

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มหกรรมถนนอาหารฮาลาลบ้านชะไว ก้าวไกลสู่อาเซียน ครั้งที่2 ประจำปี2557


ด้วยมัสยิดนูรุ้รเราะฮ์ฮีม กำหนดจัดงานธารน้ำใจสู่มัสยิดนูรุ้รเราะฮ์ฮีม ประจำปี 2557 และงานมหกรรมถนนอาหารฮาลาลบ้านชะไว ก้าวไกลสู่อาเซียน ครั้งที่2 ประจำปี2557 เพื่อหารายได้ใช้ในกิจกรรมต่างๆของมัสยิดนูรุ้รเราะฮ์ฮีม และเป็นทุนดำเนินการก่อสร้างหลังคาลานเอนกประสงค์ของมัสยิดฯ โดยภายในงานมีการจำหน่ายอาหารฮาลาลมากกว่า 50 รายการ และจำหน่ายสินค้าจากประเทศอาเซียน กำหนดจัดงานในวันที่ 11-12 มกราคม 2557 ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. ณ มัสยิดนูรุ้รเราะฮ์ฮีม ถนนเทศบาล 16 หมู่ที่ 2 ตำบลชะไว อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 081-458-1658
-----------------------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
22 พ.ย.56

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอ่างทองประกาศติดตามบุคคลสูญหาย เลขที่ 038/2556

1 ทศวรรษการศึกษา สพม.5 ก้าวไกลเทิดไท้องค์ราชัน สานฝัน 3H

---------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
20 พ.ย.56

ประกาศสำนักงานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการจังหวัดอ่างทอง เรื่อง การกำหนดช่วงระยะเวลาและกำกับดูแลติดตามความเคลื่อนไหวราคาสินค้าและบริการเป็นกรณีพิเศษ

-----------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
20 พ.ย.56

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การ์ตูนอนิเมชั่นโครงการพัฒนาสังคมโดยการส่งเสริมการสร้างความเอื้ออาทรบนท้องถนน

          

          ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งว่า ด้วยคณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ได้จัดทำโครงการพัฒนาสังคมโดยการส่งเสริมการสร้างความเอื้ออาทรบนท้องถนน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเอื้ออาทรต่อกันบนท้องถนน และความมีระเบียบวินัยในการปฏิบัติตามกฎจราจรระหว่างผู้ใช้รถใช้ถนน โดยจัดทำในรูปแบบการ์ตูนอนิเมชั่น จำนวน 5 เรื่อง ได้แก่
1. การเปิดไฟเลี้ยวซ้าย – ขวา ก่อนถึงจุดหมาย
2. การเว้นระยะการขับขี่และการแซงซ้าย
3. การเปิดไฟฉุกเฉิน
4. ซ้ายคันขวาคันแบ่งปันกันไป
5. การหยุดรุให้คนข้ามถนนตรงทางม้าลาย
          ซึ่งโครงการดังกล่าว สามารถเป็นสื่อรณรงค์ปลูกจิตสำนึกอันนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้แก่ประชาชนได้ และเพื่อให้ประชาชนผู้สนใจในพื้นที่จังหวัดอ่างทองได้รับทราบโ้วยทั่วกัน สามารถเข้าไปดาวน์โหลดการ์ตูนอนิเมชั่นได้ทางเว็บไซต์ www.disaster.go.th เลือกหัวข้อ Download ข้อความสปอตวิทยุ, วีดิทัศน์,ภาพโลโก้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดอ่างทอง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอ่างทอง โทร./โทรสาร 0-3561-6260-1
---------------------------------------------
ภาิวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
18 พ.ย.56

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

รายชื่อผู้สมัครกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดอ่างทอง

นางสาวทิพย์วรรณ เทศบุตร ประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง ได้รับแจ้งจาก นางสาวภูริสุดา นิลวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดอ่างทอง ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดอ่างทอง ได้ดำเนินการรับสมัครกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดอ่างทอง ตั้งแต่ 28 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน 2556 นั้น มีผู้สมัครกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดอ่างทอง ทั้งสิ้น 28 คน ตามบัญชีรายชื่อ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับประวัติ และพฤติการณ์ของผู้สมัคร ได้ที่ สำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดอ่างทอง ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง (หลังเก่า) ชั้น 2 ถนนเทศบาล 1 ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง โทรศัพท์หมายเลข 035-613822 โทรสาร 035-613823 อีเมล์ area73_nacc.go.th หรือที่ www.nacc.go.th ภายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2556

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คำกล่าวของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ณ บริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2556 เวลา 12.00 น.

กราบเรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพรัก
จากความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาร่วม 10 ปีได้สร้างความบอบช้ำให้กับประเทศอย่างมาก และเมื่อดิฉันได้รับเลือกตั้งเข้ามา ดิฉันเชื่อว่าคนไทยทุกคนเห็นตรงกันว่าหากความขัดแย้งดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปจะเป็นการบั่นทอนความเจริญก้าวหน้าของประเทศ และทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้
ดังนั้น นับแต่ที่รัฐบาลนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศ ดิฉันได้ประกาศที่จะใช้นโยบายอย่างชัดแจ้งว่าจะร่วมกันสร้างความปรองดองของคนในชาติโดย ยึดหลักนิติธรรม และต้องการให้กลไกอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยได้แก่นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ เป็นไปโดยสมดุล ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ซึ่งเจตจำนงของรัฐบาลนั้นต้องการที่จะเห็นความปรองดอง ความสมานฉันท์ของคนในชาติอย่างไม่ลดละ จนในที่สุดเมื่อเร็วๆนี้ดิฉันก็ได้เสนอแนวทางในการสร้างเวทีปฏิรูปการเมืองร่วมกับทุกฝ่ายที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างและความเห็นที่หลากหลาย อันเป็นกลไกหนึ่งในหลาย ๆ กลไกที่หวังว่าจะร่วมสร้างความปรองดองและความสมานฉันท์ได้
ในขณะเดียวกัน ภายใต้กลไกที่สมดุลของอำนาจอธิปไตยในระบอบประชาธิปไตยนั้น จะทำให้เห็นได้ในหลายๆเวลาว่าเมื่อฝ่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เสนอร่างกฎหมายต่างๆหรือแม้แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ในซีกของรัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวดิฉันในฐานะนายกรัฐมนตรีก็มิได้ก้าวก่ายกลไกการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติเลย จนกระทั่งดิฉันเองกลับถูกกล่าวหาว่าละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ด้วย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วดิฉันต้องการให้ฝ่ายนิติบัญญัติได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่
สำหรับการที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีการผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิดการถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบันนั้นโดยข้อเท็จจริงแล้วในหลายประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมืองถึงขั้นรุนแรง มีการเสียชีวิตและการสูญเสียทรัพย์สินนั้น ก็มีการนิรโทษกรรมมาก่อนและเป็นบทเรียนที่ประเทศไทยต้องศึกษาและหลักของการนิรโทษกรรมนั้น ก็เป็นทางออกทางหนึ่งที่ควรพิจารณา เพราะหากทุกฝ่ายเรียนรู้ที่จะให้อภัยซึ่งกันและกันแล้ว ดิฉันเชื่อว่าความขัดแย้งย่อมลดลง ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
แต่ที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา มีพี่น้องประชาชน จำนวนนับร้อยที่ต้องสูญเสียชีวิตและอีกหลายพันคนที่ได้รับบาดเจ็บจากความรุนแรงที่มาจากความขัดแย้งที่มีต้นตอจากความคิดล้มล้างรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย
ดังนั้น การนิรโทษกรรมไม่ได้หมายความว่า ให้เราจะลืมบทเรียนอันเจ็บปวด เราทุกคนต้องเรียนรู้ ต้องเข้าใจเพื่อไม่ให้ลูกหลานของเราต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้อีก ขณะเดียวกัน ต้องร่วมมือกันให้ประเทศเดินหน้าได้ เราจะมาติดหล่มจนประเทศชาติต้องอยู่ในวังวนแห่งความขัดแย้งต่อไปไม่ได้ และหากจะให้บ้านเมืองสงบ การให้อภัยนั้นต้องปราศจากอคติ ไม่ใช้อารมณ์ และเปิดใจกว้างให้ทุกฝ่ายของความขัดแย้ง มีโอกาสแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ซึ่งดิฉันเข้าใจดีว่าทำใจได้ยาก แต่เราต้องคิดถึงประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าความเจ็บปวดส่วนตน
มาถึงวันนี้ มีปัญหาว่าร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเสร็จแล้วนั้น ได้มีการนำเสนอสู่การพิจารณาของวุฒิสภาซึ่งถือเป็นการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และกลไกปกติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างหนัก จนเกิดข้อขัดแย้งของคนในชาติหลายกลุ่ม หลายสถาบัน แม้กระทั่งระหว่างพรรคการเมืองและภายในพรรคการเมืองด้วยกัน ตลอดจนประชาชนในหลายหมู่เหล่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวแล้ว ยังเห็นได้ว่ามีคนไทยหลายกลุ่มที่ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และยังไม่พร้อมที่จะให้อภัย ทั้งยังมีทีท่าที่จะเป็นบ่อเกิดแห่งความขัดแย้งที่นำไปสู่ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ดิฉันไม่อยากเห็นการนำพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำให้เกิดข้อถกเถียงและมีการให้ข้อมูลที่สับสนและถูกบิดเบือน โดยมีเจตนาที่จะล้มล้างรัฐบาลและระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง
การบิดเบือนนั้น ทำให้มีเกิดความเข้าใจผิดว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายการเงิน เพราะหากเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ดิฉันในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องลงนามรับรอง ซึ่งดิฉันไม่เคยลงนามใดๆ
ที่สำคัญมีความพยายามที่จะบิดเบือนว่ากฎหมายจะกลบเกลื่อนการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่ง พ.ร.บ. ฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ยกโทษให้ผู้ได้รับผลพวงทางการเมือง การรัฐประหารที่ไม่อยู่ในหลักนิติธรรม รวมทั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน
ดิฉันขอยืนยันว่า รัฐบาลนี้จะทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และจะไม่ใช้เสียงข้างมากมาฝืนความรู้สึกของประชาชนโดยเด็ดขาด เพราะรัฐบาลของดิฉันเป็นรัฐบาลของประชาชนทุกคน และย่อมต้องฟังเสียงทั้งที่สนับสนุนและเสียงคัดค้าน
เป้าหมายของรัฐบาลชุดนี้คือการสร้างความปรองดองและทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ภายใต้วิถีทางประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วม โดยใช้เหตุและผล ไม่ใช่การใช้อารมณ์ ภายใต้บรรยากาศของความขัดแย้งที่ปะทุอยู่นี้ รัฐบาลเห็นว่าทุกฝ่ายน่าที่จะหยุดคิด หยุดการกระทำที่จะสร้างความแตกแยกต่อไป
ทั้งนี้ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ หากถือตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมาย อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภา
ดิฉันจึงใคร่ขอเสนอให้วุฒิสภาโดยวุฒิสมาชิกซึ่งเป็นตัวแทนจากการแต่งตั้งและการเลือกตั้ง ทั้งจากกลุ่มเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลได้กรุณาใช้ดุลยพินิจอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าวุฒิสภานั้นไม่มีใครก้าวก่ายได้ ได้โปรดใช้ดุลยพินิจในการพิจารณา โดยอาศัยพื้นฐานความปรองดอง ความเมตตาธรรมกับผู้ที่เดือดร้อนและผู้ที่เจ็บปวดมาเป็นเวลานานให้ได้รับความยุติธรรมอย่างเสมอภาค
ซึ่งการพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติ เมื่อคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก และไม่ว่าวุฒิสภาจะตัดสินใจอย่างไร จะไม่เห็นด้วยและยับยั้งกฎหมาย หรือมีการแก้ไขก็ตาม ดิฉันเชื่อว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ลงคะแนนผ่านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนั้นไปแล้ว จะยอมรับการตัดสินใจนั้นด้วยเหตุด้วยผลเพื่อความปรองดองของคนในชาติเช่นกัน
ทั้งนี้กระบวนการทั้งหมดจะเป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา อันเป็นเป้าหมายหลักที่เราต้องช่วยกันรักษาไว้ เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนคนไทยทุกคน
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอขอบคุณทุกฝ่ายได้ทำงานอย่างหนักในฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อสนับสนุนแนวทางปรองดอง ถือว่าทุกฝ่ายได้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถแล้ว เพื่อประเทศชาติ และขอให้ใช้เวลาต่อจากนี้เป็นเวลาของคนไทยทุกคนที่ต้องร่วมกันคิดและร่วมกันตัดสินใจในการพิจารณาแนวทางเพื่อสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่มีอคติและไม่ใช้อารมณ์ ด้วยใจที่เปิดรับและเห็นอกเห็นใจอันเป็นพื้นฐานของความปรองดองที่ประชาชนคนไทยต้องการ

ขอบคุณค่ะ
.................................
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประกาศรายชื่อผู้ที่ทรัพย์สินเสียหาย จากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553) ที่ได้มีการลงทะเบียนไว้และ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2555 (เพิ่มเติมครั้งที่ 4)

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประกาศรายชื่อผู้ที่ทรัพย์สินเสียหาย จากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553) ที่ได้มีการลงทะเบียนไว้และ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2555 (เพิ่มเติมครั้งที่ 4) จำนวน 133 ราย สามารถดูรายละเอียดผ่านทางเว็บไซต์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย www.disaster.go.th และเว็บไซต์ของสำนักนายกรัฐมนตรี www.opm.go.th โดยจังหวัดอ่างทองได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอ่างทอง รับคำร้องโดยผู้ที่มีรายชื่อตามประกาศสามารถลงทะเบียนคำร้องได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทุกจังหวัดหรือที่กรมป้องและบรรเทาสาธารณภัย จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2556 โดยปิดประกาศรายชื่อผู้ที่ทรัพย์สินเสียหายจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553) ที่ได้มีการลงทะเบียนไว้และ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2555 (เพิ่มเติมครั้งที่ 4) จำนวน 133 ราย ที่ตั้งบอร์ดชั่วคราวบริเวณศาลากลางหลังเก่า ชั้น 1 หากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอ่างทอง หมายเลขโทรศพท์ 0-3561-6260-3
----------------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ขอเชิญประกวดภาพยนตร์สั้นศาลปกครอง

          สำนักงานศาลปกครอง ได้จัดการประกวดภาพยนตร์สั้นศาลปกครอง ในหัวข้อ เล่าเรื่องคดีปกครอง ท้าประลองทำหนังสั้น โดยเปิดโอกาสให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดอายุ สมัครเข้าแข่งขันแบบเดี่ยว หรือทีมก็ได้ โดยหากสมัครเป็นทีม ต้องมีทีมงานไม่เกิน 5 คน ไม่รวมนักแสดง ส่งผลงานเข้าประกวดตามหัวข้อดังกล่าว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มนักเรียน ประชาชน ในแสดงศักยภาพ รวมถึงการได้เรียนรู้เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับศาลปกครองและคดีปกครอง สำหรับผู้สนใจสามารถดาว์นโหลดใบสมัครส่งภาพยนตร์สั้นเข้าประกวดได้จากเว็บไซต์ ศาลปกครอง www.admincourt.go.th หรือขอรับใบสมัครได้ที่สำนักงานศาลปกครองในวันและเวลาราชการ ผู้สมัครต้องส่งเอกสารการสมัครทั้งหมดด้วยตนเองโดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลปกครอง ในวันและเวลาราชการ ภาคเช้าเวลา 08.30 – 12.00 น. ภาคบ่ายเวลา 13.00 – 16.30 น. หรือส่งเอกสารทางไปรษณีย์ลงทะเบียนมาที่สำนักประสัมพันธ์ สำนักงานศาลปกครอง ชั้น1 เลขที่ 120 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 วงเล็บมุมซองว่า โครงเรื่องประกวดภาพยนตร์สั้นศาลปกครอง ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลปกครอง เลขที่เลขที่ 120 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 หมายเลขโทรศัพท์ 02 – 1411170 – 71 หรือที่สายด่วนศาลปกครอง 1355

------------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
28 ต.ค.56

ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนุนกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศภาพคำเตือน 85%

          (วันนี้ 25 ตุลาคม 2556) มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมกับ กรมประชาสัมพันธ์ จัดการสัมมนา เรื่อง “ร่วมกันสร้างสังคมไทยให้ปลอดบุหรี่”โดยมีนายประวิน พัฒนะพงษ์ รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมหัวหน้าประชาสัมพันธ์จังหวัดและผู้แทน 25 จังหวัด ร่วมหนุนกระทรวงสาธารณสุขในการออกประกาศภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ 85% และจะร่วมกันสร้างความเข้มแข็งในการควบคุมการบริโภคยาสูบเพื่อปกป้องสุขภาพของคนไทย
          นายประวิน พัฒนะพงษ์ รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์กล่าวว่า นักประชาสัมพันธ์จังหวัดถือเป็นบุคคลและเป็นสื่อมวลชนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะสื่อสารข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ไปยังประชาชนทั่วประเทศการที่นักประชาสัมพันธ์จังหวัดได้มารวมพลังกันในงานนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่นักประชาสัมพันธ์จะพัฒนางานด้านการประชาสัมพันธ์ และสนับสนุนองค์ความรู้ต่าง ๆ ลงสู่ชุมชนให้มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ในชุมชน ให้เกิดความต่อเนื่องยั่งยืน ทั้งนี้ข้อมูลล่าสุดจากการสำรวจพบว่าร้อยละ 70 ของคนไทยที่สูบบุหรี่ หรือ 9 ล้านคนจาก 12.5 ล้านคน อาศัยอยู่นอกเขตเทศบาล
          นายประวินกล่าวเพิ่มเติมว่า กรมประชาสัมพันธ์ ต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 17 เมษายน 2555 ที่ให้กระทรวงวัฒนธรรม กรมประชาสัมพันธ์ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปรับปรุงกฎหมายเพื่อห้ามมีฉลากสูบบุหรี่ และการส่งเสริมการตลาดด้วยวิธีประชาสัมพันธ์ความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ ทางภาพยนตร์ โทรทัศน์และสื่อมวลชนต่าง ๆ และมีมาตรการส่งเสริมให้บุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียง เช่น ดารา นักร้อง เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สาธารณชน โดยการไม่สูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ทั้งนี้สถานการณ์การสูบบุหรี่ของคนไทยยังน่าเป็นห่วง โดยคนไทยสูบบุหรี่กว่า 12.5 ล้านคน เพศชายสูบบุหรี่ร้อยละ 45 และมีคนไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ปีละ 50,710 คน และตนก็เห็นด้วยอย่างยิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศการเพิ่มคำเตือนบนซองบุหรี่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะการใช้ภาพที่มีขนาดใหญ่รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้และตระหนักถึงอันตรายจากการสูบบุหรี่ถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างดียิ่ง
          ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่าจากการที่บริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ ได้พยายามสกัดกั้นมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบของกระทรวงสาธารณสุข โดยดำเนินการฟ้องต่อศาลปกครองให้ทุเลาและยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดให้เพิ่มขนาดภาพคำเตือนบนซองบุหรี่เป็น 85% นั้น ตนอยากฝากให้ประชาสัมพันธ์จังหวัดทุกแห่ง ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูล การรณรงค์ให้ความจริงแก่สังคมและองค์กรต่างๆ ให้ตระหนักถึงกลยุทธ์ของบริษัทบุหรี่ ที่เข้ามาสกัดกั้นมาตรการเรื่องการเพิ่มขนาดคำเตือนบนซองบุหรี่ โดยอ้างว่ามาตรการของกระทรวงสาธารณสุขก่อความเสียหายแก่บริษัท ทั้งๆ ที่บริษัทเหล่านี้หาประโยชน์และทำกำไรจากการขายบุหรี่ ที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นสินค้าที่นำมาซึ่งโรคภัยร้ายแรง และก่อความสูญเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล
          ด้านน.ส.บังอร ฤทธิภักดี ผู้อำนวยการเครือข่ายควบคุมการบริโภคยาสูบในอาเซียน กล่าวว่าการเพิ่มขนาดคำเตือนเป็น 85%เป็นมาตรการที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อประเทศไทย หากเราตั้งใจที่จะปกป้องลูกหลานของเราไม่ให้ตกเป็นทาสของบุหรี่ โดยขณะนี้มีเด็กไทยเริ่มสูบบุหรี่ปีละ 250,000 คน หรือวันละ 685 คน ซึ่งหากติดบุหรี่แล้ว มีเพียงร้อยละ 27 เท่านั้นที่สามารถเลิกได้ก่อนที่จะป่วย ที่เหลือจะสูบต่อไปจนป่วยและตาย ซึ่งจากข้อมูลศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการขยายภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า ทั้งผู้สูบบุหรี่ ผู้เคยสูบแต่เลิกแล้ว และผู้ไม่สูบบุหรี่ ถึงร้อยละ 79.2 เห็นด้วยกับการขยายภาพคำเตือน โดยประชากรกลุ่มที่สูบบุหรี่มีความเห็นว่า ภาพคำเตือนขนาด 85%มีประสิทธิผลสูงกว่าขนาด 55%ในทุกๆ ด้าน อาทิ ทำให้คิดถึงอันตรายและพิษภัยของบุหรี่ ทำให้รู้สึกว่าตนเองเสี่ยงที่จะเป็นโรคตามภาพคำเตือน ทำให้คิดที่จะเลิกสูบ ทำให้พยายามที่จะเลิก ทำให้ตัดสินใจลงมือเลิก และทำให้สูบน้อยลง ในขณะที่ในกลุ่มผู้ที่เคยสูบบุหรี่แต่เลิกแล้วกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ การเพิ่มภาพคำเตือนจาก 55%เป็น 85%ทำให้คิดถึงอันตรายและพิษภัยบุหรี่เพิ่มขึ้น และทำให้ไม่คิดที่จะสูบบุหรี่สูงขึ้น
          ศ.นพ.ประกิต กล่าวทิ้งท้ายว่า มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ขอบคุณกรมประชาสัมพันธ์เป็นอย่างยิ่งที่ร่วมรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่มาอย่างต่อเนื่อง และการสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นการสัมมนานักประชาสัมพันธ์จังหวัดครั้งที่สองแล้วโดยนักประชาสัมพันธ์จังหวัดและผู้แทนเข้าร่วม จำนวน 26 คน จากจังหวัดกำแพงเพชร ชัยภูมิ ชุมพร ตราด ตาก นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นราธิวาส น่าน ปัตตานี พังงา พิษณุโลก มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง สมุทรสงคราม สระบุรี สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุทัยธานี และอุบลราชธานี

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โทร.081-822-9799
น.ส.บังอร ฤทธิภักดี ผู้อำนวยการเครือข่ายควบคุมการบริโภคยาสูบในอาเซียน (SEATCA) โทร.081-255-1280
---------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
25 ต.ค.56

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอ่างทอง ขอเชิญผู้สนใจเข้ารับการสสรหาเป็นกรรมการ ป.ป.จ.

สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอ่างทอง ขอเชิญบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ที่ประสงค์จะสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด (กรรมการ ป.ป.จ.) โดยผู้สนใจสามารถยื่นใบสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการ ป.ป.จ. พร้อมทั้งแสดงผลงานและหลักฐาน ได้ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2556 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ)  ณ ห้องประชุมป่าโมก ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง ชั้น 2 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 035-613822-3
----------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
25 ต.ค.56

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ขยายเวลาประกาศพื้นที่ ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายใน

     ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ได้ประกาศให้พื้นที่บางส่วนของเขต พระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รวมทั้งประกาศและข้อกำหนดที่ออกตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.๒๕๕๑ ระหว่างวันที่ ๙ – ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อมิให้มีการปลุกระดมมวลชนเข้าร่วมกระทำการที่มีลักษณะฝ่าฝืนกฎหมาย นั้น
     คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ เห็นชอบให้ขยายเวลาประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่บางส่วนของเขตพระนคร เขตป้อมศัตรูพ่าย และเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน /*

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ขยายระยะเวลาการยื่นคำร้องเพื่อลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง

     กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งว่าคณะทำงานช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมสำหรับผู้ที่ทรัพย์สินเสียหายจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553) โดยได้ประกาศไปแล้วจำนวน 4 ครั้ง และแจ้งให้จังหวัดปิดประกาศรายชื่อผู้ที่ทรัพย์สินเสียหายฯ ดังกล่าวที่บริเวณศาลากลางจังหวัด และมอบหมายให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเป็นหน่วยงานรับคำร้องขอรับเงินเยียวยา จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2556 นั้น แต่เนื่องจากได้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ประชาชนไม่สามารถไปยื่นขอรับเงินได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด จึงให้ขยายระยะเวลาการยื่นคำร้องเพื่อลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาจากเดิม ออกไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2556 โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอ่างทอง ฝ่ายสงเคราะห์ผู้ประสบภัย โทร.035-616263
------------------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
22 ต.ค.56

แจ้งรายชื่อโรงสีที่เปิดจุดจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57

สำนักงานการค้าภายในจังหวัดอ่างทอง แจ้งรายชื่อโรงสีที่เปิดจุดรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 นาปี ครั้งที่ 1 ระยะเวลารับจำนำตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 - 28 กุมภาพันธ์ 2557 จำนวน 5 แห่ง ได้แก่
1. บริษัทสตาร์การเกษตร จำกัด  เลขที่ 98/1 หมู่6 ตำบลท่าช้าง อำเภอวิเศษชัยชาญ
2. บริษัทพัชรนันท์ค้าข้าว จำกัด  เลขที่ 30/1 หมู่ 4 ตำบลท่าช้าง อำเภอวิเศษชัยชาญ
3. หจก.ศรีทองดีธัญญากิจ  เลที่ 33 หมู่ 6 ตำบลราษฎร์พัฒนา อำเภอสามโก้
4. โรงสีสามโก้เจิญธัญญา  เลขที่ 9 หมู่ 6 ตำบลสามโก้ อำเภอสามโก้
5. บริษัทเพชรสยามพิพัฒน์ธัญญา เลขที่ 1 หมู่ 2 ตำบลหนองแม่ไก่ อำเภอโพธิ์ทอง

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานการค้าภายในจังหวัดอ่างทอง โทร.035-614972
------------------------------------------------------
ภาวิณี เรืือนนาค/ข้อมูล
22 ต.ค.56

24 -25 ตุลาคม 2556 หน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากสำนักงานบรรเทาทุกข์ และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ให้บริการตรวจรักษาโรคฟรี

     หน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากสำนักงานบรรเทาทุกข์ และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย จะมาให้บริการประชาชนทั่วไป วันที่ 24 -25 ตุลาคม 2556 ตั้งแต่เวลา 09.00น. โดยในวันที่ 24 ตุลาคม 2556 มีบริการประชาชนด้านตรวจโรคทั่วไป และตรวจรักษาฟื้นฟูโรคทางกล้ามเนื้อและข้อ และวันที่ 25 ตุลาคม 2556ให้บริกหารประชาชนทั่วไปด้านการฝังเข็มประยุกต์ ณ ศูนย์สภากาชาดไทยเวชพาหน์เฉลิมพระเกียรติ หมู่ที่ 9 บ้านสามเรือน ตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง (รักษาฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาล ตำบลบางจัก ทางหมายเลขโทรศัพท์ 035-669466 และ 035-669241 ในวันและเวลาราชการ
-----------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
22 ต.ค.56

ขอความร่วมมือสนับสนุนสมุดบันทึกแม่บ้านมหาดไทย ประจำปี 2557

ตัวอย่างปกสมุดบันทึกแม่บ้านมหาดไทย (บันทึกดอกแก้ว) ประจำปี 2557

     นางมลสุดา ชานิประศาสน์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอ่างทอง ได้รับแจ้งว่าสมาคมแม่บ้านมหาดไทยได้จัดทำสมุดบันทึกแม่บ้านมหาดไทย ประจำปี 2557 เพื่อให้สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยทั่วประเทศใช้เป็นสมุดบันทึกประจำวัน และใช้ประโยชน์ติดต่อประสานงานกับสมาคมแม่บ้านมหาดไทยและระหว่างสมาชิกด้วยกัน
     จึงขอเชิญชวนภริยา ข้าราชการ สมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทย ตลอดจนผู้สนใจ สั่งซื้อสมุดบันทึกแม่บ้านมหาดไทย ประจำปี 2557 ในราคาเล่มละ 250 บาท โดยสามารถสั่งซื้อได้ที่สำนักงานจังหวัดอ่างทอง กลุ่มงานอำนวยการ โทรศัพท์ 035-611235
-----------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
22 ต.ค.56

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ขอเชิญชวน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ส่งคำขวัญเข้าประกวด เนื่องในโอกาศวันครู 2557

   ในโอกาสการจัดงานวันครู ครั้งที่ 58 วันที่ 16 มกราคม 2557 โดยกำหนดวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ “พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน” ระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ และส่งเสริมเชิดชูเกียรติวิชาชีพครู รวมไปถึงเพื่อส่งเสริมความสามัคคีธรรม ความร่วมมือและความเข้าใจอันดีระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษากับประชาชน ในการพัฒนาการศึกษาของชาติและสังคม เพื่อธำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ และเพื่อส่งเสริมให้ครู นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน มีส่วนร่วมในกิจกรรมงานวันครู
     คุรุสภาขอเชิญชวน นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไป ส่งคำขวัญวันครู พ.ศ. 2557 เข้าประกวดเพื่อชิงเงินรางวัล พร้อมโล่เกียรติยศพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หรือเกียรติบัตร รางวัลชนะเลิศ มี 1 รางวัล เงินสด 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ รางวัลรองชนะเลิศ มี 2 รางวัล เงินสดรางวัลละ 7,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร และรางวัลชมเชย มี 10 รางวัล เงินสดรางวัลละ 3,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
     ผู้สนใจสามารถส่งคำขวัญเข้าประกวดได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 ในวันและเวลาราชการ และจะประกาศผลให้ทราบภายในเดือน ธันวาคม 2556
     ผู้ที่สนใจเข้าประกวด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มยกย่องวิชาชีพ โทรศัพท์ 0 2281 4843 หรือ www.ksp.or.th
---------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
10 ต.ค.56

วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

โครงการจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "ทรงงาน" (จำลอง)

     

     นายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า มูลนิธิ คิง เพาเวอร์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานพระบรมราชานุญาต เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ในการจัดสร้างจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ทรงงาน” (จำลอง) ขนาดความสูง 60 เซนติเมตร องค์หล่อด้วยสำริด น้ำหนักรวมประมาณ 7 กิโลกรัม เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมบริจาคเงิน 50,000 บาท รับพระบรมรูปฯ 1 องค์ โดยจัดสร้างจำนวน 9,999 องค์”  เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการทรงงานแก่พสกนิกรชาวไทย ผู้สนใจสามารถสั่งจองและร่วมบริจาค สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ King Power Call Center 0-2677-8899 (ทุกวัน ระหว่างเวลา 09.00-21.00 น.) และทางเว็บไซต์ www.kingpowerfoundation.com
----------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
1 ต.ค.56

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โครงการ “Smart Lady Thailand : ผู้หญิงสวยด้วยความคิด”

            โครงการ “Smart Lady Thailand : ผู้หญิงสวยด้วยความคิด”กิจกรรมหนึ่ง ของ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี มีนโยบาย และความมุ่งมั่นในการส่งเสริมโอกาส และความก้าวหน้าให้ผู้หญิงไทย ด้วยการเปิดเวทีให้หญิงไทยรุ่นใหม่ได้แสดงออก ด้านความคิด ความสามารถ และได้รับโอกาสพัฒนาศักยภาพ เสริมสร้างความพร้อมในการเป็นผู้นำ ผ่านรายการเรียลลิตี้ทีวี Smart Lady Thailand ที่จะสนับสนุนให้ผู้หญิงไทยมีโอกาส สวย..ได้ด้วยความคิด และใช้ความสามารถที่มี ทำงานเพื่อประโยชน์สู่สังคม มีความพร้อมที่จะเป็นผู้นำสตรีรุ่นใหม่ เป็นพลังเข้มแข็งของประเทศต่อไป ทั้งนี้ผู้ได้รับการคัดเลือกจะทำหน้าที่เป็นทูตของสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เผยแพร่ความรู้และร่วมทำโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสตรีทั่วประเทศ

            ขอเชิญสตรี อายุ ๑๘-๓๕ ปี มีภูมิลำเนาในประเทศไทย มีบุคลิกภาพที่ดี มีความสามารถในการเรียนรู้และการทำงานเป็นทีม มีความสนใจการทำงานกิจกรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของสังคม มีความพร้อมในการเข้าร่วมกิจกรรมอบรมของโครงการได้ สมัครร่วมในโครงการ “Smart Lady Thailand : ผู้หญิงสวยด้วยความคิด ระหว่างวันที่ ๑๐ สิงหาคม – ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ คน แล้วคัดให้เหลือ ๑,๒๐๐ คน , ๓๐๐ คน และ ๑๒ คน เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพสู่ผู้นำสตรีรุ่นใหม่ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ระหว่างวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน – ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยจะมีการถ่ายทอดสดตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทางสถานี TRUE VISION ช่อง ๖๗ ช่อง HD ๑๒๐ ช่อง Free TV สัปดาห์ละ ๑ วัน และประกาศผลผู้ชนะในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๖

            ผู้สนใจ ส่ง ใบสมัครที่กรอกข้อมูลครบถ้วน (สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้จาก
www.smartlady-thailand.com ) , รูปถ่าย, หลักฐานสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ลงลายมือชื่อ รับรองสำเนาถูกต้อง * ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร และ ส่งเอกสารสมัครได้ที่ คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับตำบล , คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับจังหวัด , ตู้ปณ. 1 ปณจ. คลองจั่น , สมัครออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.smartlady-thailand.com/register/

            สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่

* จังหวัดในภูมิภาค ติดต่อ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ศาลากลางจังหวัด ทุกจังหวัด

* กรุงเทพมหานคร ติดต่อ ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชนเขตในแต่ละพื้นที่ หรือ สำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรุงเทพมหานคร โทร.02-306-8603-4

* คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับตำบล คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับจังหวัด

* เว็บไซต์
www.smartlady-thailand.com

* เฟสบุค facebook.com/smartladythailand

* สายด่วน 1111 กด 6

                                                     …………………………………………..

ฤดีภรณ์ ศรีใส สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง

๒๐ กันยายน ๒๕๕๖

นายกรัฐมนตรี เปิดโครงการ “SMART LADY Thailand ผู้หญิงสวยด้วยความคิด”

               นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหวังให้โครงการ “Smart Lady Thailand : ผู้หญิงสวย...ด้วยความคิด” สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นมาเปลี่ยน พัฒนาศักยภาพตนเอง เพื่อให้พลังของความคิด ความตั้งใจ และความสามารถของผู้หญิงไทยเป็นพลังที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศต่อไป

               เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 เวลา 11.00 น. ณ ฮอลล์ 5 – 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดโครงการคัดเลือกผู้นำสตรีรุ่นใหม่กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี “SMART LADY Thailand ผู้หญิงสวย...ด้วยความคิด” โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการพัฒนาศักยภาพสตรี (คณะที่ 1) สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารกรมพัฒนาชุมชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสตรีจำนวนกว่า 8,000 คน เข้าร่วมงาน
                นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการพัฒนาศักยภาพสตรี (คณะที่ 1) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การดำเนินงานตามโครงการ คัดเลือกผู้นำสตรีรุ่นใหม่กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี “SMART LADY Thailand ผู้หญิงสวย...ด้วยความคิด” ว่า เป็นการขับเคลื่อนกิจกรรม/โครงการ ของคณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพสตรี คณะที่ 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและบทบาทผู้นำสตรีรุ่นใหม่ ให้เป็นพลังสร้างสรรค์ประเทศไทยและเพื่อส่งเสริมบทบาทผู้นำสตรีในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน กลุ่มเป้าหมายได้แก่สตรีอายุระหว่าง 18 – 35 ปี สัญชาติไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่มีภูมิลำเนาในประเทศไทย มีบุคลิกภาพที่ดี มีความสามารถในการเรียนรู้ และการทำงานเป็นทีม มีความสนใจการทำงานกิจกรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวมต่อสังคม และมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมกิจกรรมตลอดโครงการ โดยเปิดรับสมัครสตรีเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม – 23 กันยายน 2556 จำนวนประมาณ 10,000 คน แล้วคัดให้เหลือจำนวน 1,200 คน และจำนวน 300 คน ใน 4 ภาค จนเหลือจำนวน 12 คน เข้าบ้านเพื่อพัฒนาศักยภาพสู่ผู้นำสตรีรุ่นใหม่แบบเรียลลิตี้ โดยจะเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาอบรม ให้ความรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ ในมิติต่างๆ เช่น การพัฒนาภาวะผู้นำ ความรู้ในมิติหญิงชาย ความเสมอภาคสตรี การยุติความรุนแรงต่อสตรี การดึงศักยภาพสตรี เพื่อสร้างความตระหนักในการร่วมกันแก้ปัญหาสตรีและปัญหาสังคม ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน - 14 ธันวาคม 2556 โดยจะมีการถ่ายทอดสดตลอด 24 ชั่วโมง ทางสถานี TRUE VISION ช่อง 67 ช่อง HD 120 ช่อง Free TV สัปดาห์ละ 1 วัน และจะประกาศผลผู้ชนะในวันที่ 15 ธันวาคม 2556
            นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวต่อไปว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 2 ปี รัฐบาลได้ริเริ่มนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี แต่งตั้งคณะกรรมการทุกระดับ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งเครือข่ายภาคประชาชนให้ร่วมกันขับเคลื่อนการทำงานของกองทุน โดยยึดหลักการมีส่วนร่วม ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะผลักดันวิสัยทัศน์ของกองทุนในการ “สร้างสรรค์พลังสตรีให้เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ” และมียุทธศาสตร์หลัก 4 ยุทธศาสตร์ที่จะส่งเสริมให้สตรีมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เพิ่ม ช่วยเหลือสตรีกลุ่มด้อยโอกาส ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พัฒนาศักยภาพสตรี และบทบาทของสตรีในการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง และพัฒนาความเข้มแข็งของเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
            นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้หญิงทั่วประเทศมากกว่า 500,000 คน ได้รับประโยชน์จากการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพสตรี ผ่านโครงการเงินอุดหนุน และเงินทุนหมุนเวียนกว่า 40,000 โครงการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสตรีไทยทั่วประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลได้บูรณาการหน่วยงานภาครัฐเพื่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC : One Stop Crisis Center 1300 ซึ่งหนึ่งในภารกิจสำคัญของศูนย์ คือการให้ความช่วยเหลือสตรีด้อยโอกาส หรือสตรีที่ถูกกระทำความรุนแรง และส่งเสริมให้สตรีเข้าถึงสิทธิตามหลักสากล โดยคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั้งระดับตำบล และระดับจังหวัดทั่วประเทศกว่า 1 แสนคน ร่วมเป็นเครือข่ายของศูนย์ช่วยเหลือสังคมด้วย
            นายกฯ กล่าวในตอนท้ายว่า หวังให้โครงการ “Smart Lady Thailand : ผู้หญิงสวย...ด้วยความคิด” ดำเนินการได้อย่างประสบความสำเร็จ สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อตัวเอง พัฒนาศักยภาพตนเอง เพื่อให้พลังของความคิด ความตั้งใจ และความสามารถของผู้หญิงไทยเป็นพลังที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศต่อไป

                                                       -------------------------------------------

ฤดีภรณ์ ศรีใส  สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง

๒๐ กันยายน ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมหารือกับตัวแทนของสมาคมธนาคารไทย เกี่ยวกับมุมมองด้านนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ณ บางกอกคลับ อาคารสาทรซิตี้

               นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันพุธที่ 18 กันยายน 2556 ณ บางกอกคลับ อาคารสาทรซิตี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมหารือกับตัวแทนของสมาคมธนาคารไทย เกี่ยวกับมุมมองด้านนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล

               นายกรัฐมนตรีชื่นชมการจัดงานครั้งนี้ เพราะเป็นโอกาสแรกที่นายกรัฐมนตรีได้พบหารือกับผู้บริหารระดับสูงของทุกธนาคาร เพื่อจะได้รับฟังปัญหาและทำให้การแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการทำธุรกิจทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความจำเป็นในการออกพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ.... หรือ พรบ.2 ล้านล้านบาทว่า เป็นการวางรากฐานสำคัญให้กับเศรษฐกิจไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขัน ลดต้นทุน สร้างโอกาสใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจในระยะยาว

               ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการที่ต้องออกเป็นพระราชบัญญัติเพื่อลงทุนแยกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น เป็นเพราะต้องการความต่อเนื่องของการลงทุนในระยะเวลา 7 ปี เนื่องจากเกรงว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล การดำเนินโครงการต่างๆ อาจจะไม่ต่อเนื่อง ซึ่งถ้าเอกชนได้เห็นว่าการเดินหน้าลงทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่องก็จะสามารถวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับแผนการต่างๆ ของภาครัฐ โดยนายกรัฐมนตรีได้เปรียบเทียบด้วยว่า การลงทุนครั้งใหญ่นี้เหมือนการตัดสินใจเดินไปกู้ธนาคารเพื่อสร้างบ้านใหม่ทั้งหลัง เพราะถ้าการลงทุนอยู่ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีคงจะเป็นเพียงแค่การต่อเติมซ่อมแซม ไม่มีความต่อเนื่อง

               นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า การลงทุนครั้งใหญ่นี้จะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ระหว่างการลงทุนในระยะเวลา 7 ปี จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยให้โตได้มากกว่าปกติอย่างน้อยปีละ 1% และถ้าโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย โดยรองนายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจกับนักธุรกิจว่าการใช้เงินในโครงการต่างๆ จะมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะแต่ละโครงการก่อนที่จะมีการดำเนินการ ต้องผ่านเกณฑ์ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กลั่นกรองโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และส่งเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะอนุมัติโครงการ ภายใต้การกำหนดราคากลางที่เป็นธรรมตามกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. รวมถึงร่วมกับภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นให้มีส่วนเข้ามาช่วยตรวจสอบด้วย

                                                     ------------------------------------------

ฤดีภรณ์ ศรีใส สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง

๒๐ กันยายน ๒๕๕๖

(ข้อมูลจาก thaigov.go.th)

โรคหน้าฝน 6 โรค ที่พบได้บ่อย ๆ ในช่วงหน้าฝนนี้ คือ โรคจากไวรัส คอติดเชื้อ ฉี่หนู อาหารเป็นพิษ ผิวหนังอักเสบ ไข้เลือดออก

              ย่างเข้าสู่กลางปีแบบนี้ก็ได้เวลาเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทยกันแล้ว ดังจะเห็นได้ว่าช่วงนี้ฝนเริ่มตกชุกขึ้น หลายคนจึงต้องตากฝนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้มีผู้ป่วย ด้วยโรคภัยไข้เจ็บหลาย ๆ โรคในช่วงฤดูฝน และเพราะเหตุนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ จึงได้ออกมาเตือนให้ประชาชนระวังการสัมผัสน้ำฝนให้มากขึ้น เพราะในน้ำฝนมีสารปนเปื้อนและเชื้อโรคบางอย่างที่จะทำให้คุณเจ็บไข้ได้ป่วย โดยเฉพาะ 6 โรคยอดฮิตต่อไปนี้
              1. โรคจากไวรัส ทำให้เป็นหวัดคัดจมูกและเกิดอาการไข้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มทารก ต้องระวังการถูกฝนให้มาก เพราะอาจเจ็บป่วยไม่สบาย จนถึงขั้นหลอดลมฝอยอักเสบ รวมทั้งโรคไข้หวัดใหญ่
              2. คอติดเชื้อ สังเกตได้จากจะเริ่มมีอาการเจ็บคอเป็นหลัก จากนั้นจะมีไข้ ปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตามมา บางรายมีน้ำมูกร่วมด้วย เกิดจากการเผลอกลืนน้ำฝนปนเปื้อนลงคอไปจนทำให้คออักเสบ
              3. ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ เนื่องจากอาหารสดตามตลาดอาจได้รับเชื้ออีโคไลจากน้ำฝนที่ปนเปื้อน ซึ่งเชื้ออีโคไลนี้เป็นเชื้อที่ทำให้ลำไส้อักเสบติดเชื้อ จึงทำให้เกิดความผิดปกติในระบบย่อยอาหารตามมา
              4. ผิวหนังอักเสบ น้ำฝนที่ขังตามพื้นถนนนาน ๆ เข้าจะกลายเป็นน้ำเน่าเหม็น เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หากกระเซ็นมาโดนตัวเราก็มีโอกาสเสี่ยงต่อผิวหนังอักเสบได้ ยิ่งไปกว่านั้น น้ำสกปรกยังอาจทำให้แผลติดเชื้อ เกิดเชื้อรา คัน เกิดตุ่มหนองและฝีได้ ดังนั้น แนะนำให้ล้างมือล้างเท้าบ่อย ๆ หลังจากกลับเข้าบ้าน
              5. โรคฉี่หนู เป็นอีกโรคหนึ่งที่ระบาดในช่วงฤดูฝนนี้ แพร่ระบาดได้ในพื้นที่ที่มีน้ำขัง เช่น ทุ่งนา ส่วนในเมือง หากฝนตกทำให้น้ำขังบนถนนออกมาผสมกับท่อระบายน้ำก็มีโอกาสติดเชื้อโรคดังกล่าวได้ แม้ในรายที่รื้อบ้านแล้วมีมูลหนูปนออกมาจนเผลอไปเหยียบเข้าผ่านจากผิวหนังที่เป็นแผลก็จะทำให้ป่วยด้วยโรคนี้ได้ โดยผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดตามตัวโดยเฉพาะน่อง และเบื่ออาหาร
              6. ไข้เลือดออก โรคร้ายที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งยุงลายจะเพาะพันธุ์ได้ดีในหน้าฝนที่มีฝนตกลงมาท่วมขัง หากใครมีไข้สูงมาก ไข้ไม่ยอมลด เบื่ออาหาร รู้สึกอ่อนเพลีย เซื่องซึม ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคไข้เลือดออกก็ได้

                                                        …………………………………………..

ฤดีภรณ์ ศรีใส สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง

19 กันยายน 2556

(ข้อมูล จาก Kapook.com)

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

สำนักงานเกษตรจังหวัดอ่างทองรับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป


ขอความร่วมมืองดจับสัตว์น้ำวันประมงแห่งชาติ

          นายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง แจ้งว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๙ อนุมัติให้วันที่ ๒๑ กันยายน ของทุกปี เป็นวันประมงแห่งชาติ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ ตลอดจนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน โดยจัดให้มีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำตามแหล่งสาธารณะ และขอความร่วมมือจากชาวประมงและประชาชนงดจับสัตว์น้ำทุกชนิด ในวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖ เป็นเวลา ๑ วัน
----------------------------------------------------

ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
3 ก.ย.56


วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จังหวัดตากจัดประกวดสัญลักษณ์และบทเพลงงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป

    

     นายชลิต ธนโชควณิช รองนายกเทศมนตรีเมืองตาก แจ้งมายังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง ว่า เทศบาลเมืองตาก ร่วมกับจังหวัดตาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กำหนดจัดงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง ประจำปี ๒๕๕๖ ระหว่างวันที่ ๑๕ – ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ บริเวณริมสายธารลานกระทงสวย เชิงสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี อำเภอเมือง จังหวัดตาก โดยกำหนดจัดกิจกรรมการประกวดต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ก่อนการจัดงาน ประกอบด้วย การประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์ (LOGO) ตัวสัญลักษณ์ (MASCOT) และบทเพลงงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง
     ผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวด สอบถามรายละเอียดได้ที่ กองวิชาการและแผนงาน ฝ่ายบริการและเผยแพร่วิชาการ สำนักงานเทศบาลเมืองตาก โทร. ๐-๕๕๕๑-๘๘๘๘ ต่อ ๑๗๐-๑๗๔ หรือที่เว็บไซต์ www.TessabanTAK.go.th หรือ www.krathongsaitak.net รับผลงานเข้าประกวด ภายในวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๖ /*

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประกาศกรมทางหลวง เรื่อง การประชุมกลุ่มย่อยเพื่อหารือมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม (กลุ่มย่อยครั้งที่ 2)

-------------------------

ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
20 ส.ค.56

ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างพระคัมภีร์ฉบับภูมิพโลภิกขุ ประจำปี 2556

     นายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ กำหนดจัดงานบำเพ็ญกุศลทอดผ้าป่าสามัคคีภูมิพโลภิกขุ ประจำปี 2556 เพื่อหาทุนสนับสนุนการค้นคว้าและจัดสร้างพระคัมภีร์ฉบับภูมิพลโลภิกขุ ถวายวัดที่มีการเรียนการสอนพระปริญัติธรรม สถาบันการศึกษา และหอสมุดสำคัญ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ฉลองพระชันษา 100 ปี โดยกำหนดจัดงานบำเพ็ญกุศลทอดผ้าป่าสามัคคีภูมิพโลภิกขุในวันที่ 26 กันยายน 2556 ณ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพฯ
     โดยผู้บริจาคเงินสมทบจะได้รับอภินันทนาการเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 6 รอบ พ.ศ.2555 บริจาค 50,000 บาท อภินันทาการเหรียญเงิน บริจาค 5,000 บาท อภินันทนาการเหรียญทองแดงพ่นทรายรมดำ และบริจาค 2,000 บาท อภินันทนาการเหรียญทองแดง ทางจังหวัดจึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคทุนทรัพย์ในการจัดงานบำเพ็ญกุศลดังกล่าว ซึ่งทางมูลนิธิฯ จะออกใบอนุโมทนาบัตรให้กับผู้มีจิตศรัทธา ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีได้ ทั้งนี้สามารถบริจาคได้ที่กลุ่มงานอำนวยการ สำนักงานจังหวัดอ่างทอง ภายในวันที่ 2 กันยายน 2556

----------------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
20 ส.ค.56

สมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย พร้อมจัด การแข่งขันชักกะเย่อในร่มชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1

     สมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย พร้อมจัด การแข่งขันชักกะเย่อในร่มชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1 ใน วันที่ 6-8 ก.ย.56 ที่ แฟชั่นไอส์แลนด์ เพื่อเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาชักเย่อชิงแชมป์เอเชีย ระหว่างวันที่ 1-4 ธ.ค.2556 ช่วงปลายปีนี้ พร้อมชิงเงินรางวัลกว่า 1 ล้านบาท
     นายนริส สิงหวังชา นายกสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย เป็นประธานแถลงข่าว การแข่งขันชักกะเย่อในร่มชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ ภัตตาคาร13 เหรียญ พระราม 9 ร่วมด้วย นายเดช ใจกล้า ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย และ นายรวิภาส กล่ำทวี เลขาธิการสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย
     สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ สมาคมกีฬาชักกะเย่อฯ จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 6-8 ก.ย.56 ที่ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ชั้น 3 เพื่อเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาชักเย่อชิงแชมป์เอเชีย ระหว่างวันที่ 1-4 ธ.ค.2556 พร้อมชิงเงินรางวัลกว่า 1,000,000 บาท ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา และสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย แบ่งออกเป็น 4 รุ่น มี รุ่นจูเนียร์ อายุ 15-18 ปี ชาย น้ำหนัก 560 กก. หญิง น้ำหนัก 480 กก. รุ่นอายุต่ำกว่า 23 ปี ชาย น้ำหนัก 600 กก. หญิง น้ำหนัก 500 กก. รุ่นซีเนียร์ นักกีฬาชาย มี รุ่นเฮฟวี่ น้ำหนัก 640 กก.รุ่นไลท์ เฮฟวี่ น้ำหนัก 600 กก.นักกีฬาหญิง รุ่น ไลท์ มิดเดิลเวท น้ำหนัก 540 กก. รุ่นเฟเธอร์ น้ำหนัก 500 กก.รุ่นมิดเดิล น้ำหนัก 560 กก.รุ่นผสมชาย-หญิง (4x4) น้ำหนัก 600 กก.รุ่นมาสเตอร์ อายุ 30 ปีขึ้นไป มีนักกีฬาชาย รุ่น ไลท์เฮฟวี่ น้ำหนัก 600 กก. นักกีฬาหญิง รุ่น เฟเธอร์ น้ำหนัก 500 กก.รุ่นผสมชาย-หญิง (4x4) น้ำหนัก 560 กก.ซึ่งจะมีการชั่งน้ำหนักในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ส่วนการแข่งขันในวันที่ 6-8 ก.ย.เริ่มเวลา 08.00 น.

     นายนริส สิงหวังชา นายกสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย เป็นประธานแถลงข่าว การแข่งขันชักกะเย่อในร่มชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ ภัตตาคาร13 เหรียญ พระราม 9 ร่วมด้วย นายเดช ใจกล้า ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย และ นายรวิภาส กล่ำทวี เลขาธิการสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย     สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ สมาคมกีฬาชักกะเย่อฯ จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 6-8 ก.ย.56 ที่ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ชั้น 3 เพื่อเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาชักเย่อชิงแชมป์เอเชีย ระหว่างวันที่ 1-4 ธ.ค.2556 พร้อมชิงเงินรางวัลกว่า 1,000,000 บาท ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา และสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย แบ่งออกเป็น 4 รุ่น มี รุ่นจูเนียร์ อายุ 15-18 ปี ชาย น้ำหนัก 560 กก. หญิง น้ำหนัก 480 กก. รุ่นอายุต่ำกว่า 23 ปี ชาย น้ำหนัก 600 กก. หญิง น้ำหนัก 500 กก. รุ่นซีเนียร์ นักกีฬาชาย มี รุ่นเฮฟวี่ น้ำหนัก 640 กก.รุ่นไลท์ เฮฟวี่ น้ำหนัก 600 กก.นักกีฬาหญิง รุ่น ไลท์ มิดเดิลเวท น้ำหนัก 540 กก. รุ่นเฟเธอร์ น้ำหนัก 500 กก.รุ่นมิดเดิล น้ำหนัก 560 กก.รุ่นผสมชาย-หญิง (4x4) น้ำหนัก 600 กก.รุ่นมาสเตอร์ อายุ 30 ปีขึ้นไป มีนักกีฬาชาย รุ่น ไลท์เฮฟวี่ น้ำหนัก 600 กก. นักกีฬาหญิง รุ่น เฟเธอร์ น้ำหนัก 500 กก.รุ่นผสมชาย-หญิง (4x4) น้ำหนัก 560 กก.ซึ่งจะมีการชั่งน้ำหนักในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ส่วนการแข่งขันในวันที่ 6-8 ก.ย.เริ่มเวลา 08.00 น.
     ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 088-6765383 หรือดาวน์โหลดใบสมัครและกติกาการแข่งขันได้ที่ www.twta-thailand.com
------------------------------------------------
ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
20 ส.ค.56

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โรคมือ เท้า ปาก (Hand Foot and Mouth Disease)

โรคมือ เท้า ปาก
                แม้กระทรวงสาธารณสุขจะออกมายืนยันว่า โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่เกิดขึ้นทุกปีในประเทศไทย และไม่ใช่โรคร้ายแรงแต่อย่างใด แต่ดูท่าว่า ประชาชนก็ยังคงตื่นกลัวไม่น้อยกับการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก ใน พ.ศ.นี้ เพราะเห็นข่าวที่ว่า พบผู้เสียชีวิตจากโรคมือ เท้า ปาก ในประเทศกัมพูชาแล้วกว่า 60 คน ขณะที่ประเทศไทยเองก็พบผู้ติดเชื้อมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา และก็มีผู้เสียชีวิตทุกปี แม้จะเป็นจำนวนไม่มากนัก
                รู้จัก โรคมือ เท้า ปาก
                โรคมือ เท้า ปาก หรือ Hand, Foot and Mouth Disease มักเรียกติดปากกันว่า โรคมือ เท้า ปาก เปื่อย สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัสลำไส้ หรือเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) โดยพบการระบาดของ โรคมือ เท้า ปาก เมื่อปี พ.ศ.2500 กับเด็กในเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้และยังมีตุ่มน้ำใสในช่องปาก มือ และเท้า
ต่อมายังพบการระบาดกับกลุ่มเด็กในเมืองเบอร์มิงแฮม เมื่อปี พ.ศ.2502 เช่นกัน จนได้มีการเรียกกลุ่มอาการที่พบนี้ว่า Hand-Foot-and Mouth Disease (HFMD) หลังจากนั้นก็มีรายงานการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก จากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
ทั้งนี้ โรคมือ เท้า ปาก จะมีการระบาดแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ หากเป็นประเทศเขตหนาวจะพบในช่วงฤดูร้อน และต้นฤดูใบไม้ร่วง ส่วนประเทศเขตร้อนชื้นจะพบได้ตลอดทั้งปี แต่จะระบาดมากในช่วงฤดูฝนที่มีอากาศร้อนชื้น และมักพบในกลุ่มเด็กทารก และเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี
                โรคมือ เท้า ปาก ติดต่อกันได้ทางไหน
                โรคมือ เท้า ปาก สามารถติดต่อกันได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกของการป่วย สามารถติดต่อได้โดย -การสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่ง ทั้งจากจมูก, ลำคอ และน้ำจากในตุ่มใส (Respiratory route) โดยเชื้อโรคอาจติดมากับสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ หรือการไอจามรดกันก็ได้
-ทางอุจจาระของผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสอยู่ (fecal - oral route ) โดยช่วงที่แพร่กระจายมากที่สุด คือ ในสัปดาห์แรกที่ผู้ป่วยมีอาการ และจะยังแพร่เชื้อได้จนกว่ารอยโรคจะหายไป แต่ก็ยังพบเชื้อในอุจจาระผู้ป่วยต่อได้อีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ เชื้อเอนเทอโรไวรัสสามารถทนสภาวะกรดในทางเดินอาหารมนุษย์ได้ และมีชีวิตอยู่ในอุณหภูมิห้องได้ 2-3 วัน โรคนี้ไม่สามารถติดต่อจากคนสู่สัตว์ หรือจากสัตว์สู่คนได้
                 อาการของโรค มือ เท้า ปาก
                โดยทั่วไป โรคมือ เท้า ปาก มักจะมีอาการไม่รุนแรง โดยจะมีระยะฟักตัวประมาณ 3-6 วัน และมีอาการเริ่มต้นคือ เป็นไข้ต่ำ ๆ มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ประมาณ 1-2 วัน จากนั้นจะเริ่มเจ็บปาก ไม่ยอมทานอาหาร เพราะมีตุ่มแดงที่เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม โดยตุ่มนี้จะกลายเป็นตุ่มพองใส รอบแผลจะอักเสบแดง ต่อมาตุ่มจะแตกออกเป็นแผลหลุมตื้น จากนั้นจะพบตุ่มหรือผื่น (มักไม่คัน) ที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่ก้น แขน ขา และอวัยวะสืบพันธุ์ด้วย ในเด็กทารกอาจพบกระจายทั่วตัวได้ ทั้งนี้อาการจะทุเลาและหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน โดยทิ้งรอยแผลเป็นให้เห็น
อย่างไรก็ตาม โรคมือ เท้า ปาก อาจแสดงอาการในหลายระบบ เช่น
1.ระบบทางเดินหายใจ อาจมีอาการเหมือนไข้หวัด ไอ มีน้ำมูกใส เจ็บคอ
2.ทางผิวหนัง
3.ทางระบบประสาท เช่น สมอง เยื่อหุ้มสมอง หรือเนื้อสมองอักเสบ
4.ทางระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำเล็กน้อย ปวดหัว อาเจียน
5.ทางตา มักพบเยื่อบุตาอักเสบ (chemosis and conjuntivitis) และ
6.ทางหัวใจ เช่น สามารถทำให้เกิดกล้ามเนื้อหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบได้ ซึ่งอาจมีตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงอาการ หรือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
ทั้งนี้ หากผู้ป่วยเกิดผื่น ตุ่ม ที่มือ เท้า และปากนานเกิน 3 วัน แล้วยังมีอาการซึมตามมาด้วย ให้รีบพบแพทย์ทันที เพราะอาการซึมเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เชื้อกำลังเข้าสู่สมองแล้ว และหากปล่อยไว้ไม่ยอมมารักษา เชื้อจะเข้าไปในสมองส่วนที่ควบคุมการทำงานของหัวใจ จนทำให้หัวใจล้มเหลว และเกิดน้ำท่วมปอดจนเสียชีวิตได้ การรักษา โรค มือ เท้า ปาก
ปกติแล้วโรคมือ เท้า ปาก สามารถหายได้เองภายใน 7-10 วัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน โรคนี้ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ เพราะเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส จึงต้องใช้ภูมิคุ้มกันของตัวเองต่อสู้กับเชื้อโรค ทั้งนี้ แพทย์จะให้ยารักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ทั้งนี้ ควรเช็ดตัวผู้ป่วยเป็นระยะ ๆ ให้อาหารอ่อน ๆ ดื่มน้ำและผลไม้ และนอนพักผ่อนให้มาก ๆ ถ้าเป็นเด็กเล็กอาจต้องป้อนนมแทนการให้ดูดจากขวดนม
หลังจากการติดเชื้อผู้ป่วยจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสที่ก่อโรค แต่อาจเกิดโรคมือ เท้า ปาก ซ้ำได้ จาก เอนเทอโรไวรัสตัวอื่น ๆ ดังนั้น หากผู้ปกครองสังเกตเห็นลูกมีอาการที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียนบ่อย ๆ หอบ แขนขาอ่อนแรง ไม่ยอมรับประทานอาหารและนํ้า ก็ควรพาบุตรหลานมาพบแพทย์
               การป้องกัน โรค มือ เท้า ปาก
               ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก แต่โดยปกติป้องกันโรคมือ เท้า ปาก ได้ โดยการรักษาสุขอนามัยที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความสะอาด ตัดเล็บให้สั้น หมั่นล้างมือด้วยน้ำสบู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังการขับถ่ายและก่อนรับประทานอาหาร รวมทั้งใช้ช้อนกลาง และไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน
ที่สำคัญ คือ ต้องแยกผู้ป่วยที่เป็นโรคออกจากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียน สถานเลี้ยงเด็ก โดยไม่ให้เด็กทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น ๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และต้องคอยทำความสะอาดพื้น ห้องน้ำ สุขา เครื่องใช้ ของเล่น สนามเด็กเล่น ตลอดจนเสื้อผ้า ที่อาจปนเปื้อนเชื้อด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อที่ใช้ทั่วไปภายในบ้าน
หากมีเด็กป่วยจำนวนมาก อาจจำเป็นต้องปิดสถานที่ชั่วคราว (1-2 สัปดาห์) และทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค โดยอาจใช้สารละลายเจือจางของน้ำยาฟอกขาว 1 ส่วนผสมกับน้ำ 30 ส่วน ///


ฤดีภรณ์ ศรีใส สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง

16 ส.ค.56