วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โครงการ “Smart Lady Thailand : ผู้หญิงสวยด้วยความคิด”

            โครงการ “Smart Lady Thailand : ผู้หญิงสวยด้วยความคิด”กิจกรรมหนึ่ง ของ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี มีนโยบาย และความมุ่งมั่นในการส่งเสริมโอกาส และความก้าวหน้าให้ผู้หญิงไทย ด้วยการเปิดเวทีให้หญิงไทยรุ่นใหม่ได้แสดงออก ด้านความคิด ความสามารถ และได้รับโอกาสพัฒนาศักยภาพ เสริมสร้างความพร้อมในการเป็นผู้นำ ผ่านรายการเรียลลิตี้ทีวี Smart Lady Thailand ที่จะสนับสนุนให้ผู้หญิงไทยมีโอกาส สวย..ได้ด้วยความคิด และใช้ความสามารถที่มี ทำงานเพื่อประโยชน์สู่สังคม มีความพร้อมที่จะเป็นผู้นำสตรีรุ่นใหม่ เป็นพลังเข้มแข็งของประเทศต่อไป ทั้งนี้ผู้ได้รับการคัดเลือกจะทำหน้าที่เป็นทูตของสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เผยแพร่ความรู้และร่วมทำโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสตรีทั่วประเทศ

            ขอเชิญสตรี อายุ ๑๘-๓๕ ปี มีภูมิลำเนาในประเทศไทย มีบุคลิกภาพที่ดี มีความสามารถในการเรียนรู้และการทำงานเป็นทีม มีความสนใจการทำงานกิจกรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของสังคม มีความพร้อมในการเข้าร่วมกิจกรรมอบรมของโครงการได้ สมัครร่วมในโครงการ “Smart Lady Thailand : ผู้หญิงสวยด้วยความคิด ระหว่างวันที่ ๑๐ สิงหาคม – ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ คน แล้วคัดให้เหลือ ๑,๒๐๐ คน , ๓๐๐ คน และ ๑๒ คน เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพสู่ผู้นำสตรีรุ่นใหม่ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ระหว่างวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน – ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยจะมีการถ่ายทอดสดตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทางสถานี TRUE VISION ช่อง ๖๗ ช่อง HD ๑๒๐ ช่อง Free TV สัปดาห์ละ ๑ วัน และประกาศผลผู้ชนะในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๖

            ผู้สนใจ ส่ง ใบสมัครที่กรอกข้อมูลครบถ้วน (สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้จาก
www.smartlady-thailand.com ) , รูปถ่าย, หลักฐานสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ลงลายมือชื่อ รับรองสำเนาถูกต้อง * ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร และ ส่งเอกสารสมัครได้ที่ คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับตำบล , คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับจังหวัด , ตู้ปณ. 1 ปณจ. คลองจั่น , สมัครออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.smartlady-thailand.com/register/

            สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่

* จังหวัดในภูมิภาค ติดต่อ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ศาลากลางจังหวัด ทุกจังหวัด

* กรุงเทพมหานคร ติดต่อ ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชนเขตในแต่ละพื้นที่ หรือ สำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรุงเทพมหานคร โทร.02-306-8603-4

* คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับตำบล คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับจังหวัด

* เว็บไซต์
www.smartlady-thailand.com

* เฟสบุค facebook.com/smartladythailand

* สายด่วน 1111 กด 6

                                                     …………………………………………..

ฤดีภรณ์ ศรีใส สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง

๒๐ กันยายน ๒๕๕๖

นายกรัฐมนตรี เปิดโครงการ “SMART LADY Thailand ผู้หญิงสวยด้วยความคิด”

               นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหวังให้โครงการ “Smart Lady Thailand : ผู้หญิงสวย...ด้วยความคิด” สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นมาเปลี่ยน พัฒนาศักยภาพตนเอง เพื่อให้พลังของความคิด ความตั้งใจ และความสามารถของผู้หญิงไทยเป็นพลังที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศต่อไป

               เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 เวลา 11.00 น. ณ ฮอลล์ 5 – 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดโครงการคัดเลือกผู้นำสตรีรุ่นใหม่กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี “SMART LADY Thailand ผู้หญิงสวย...ด้วยความคิด” โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการพัฒนาศักยภาพสตรี (คณะที่ 1) สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารกรมพัฒนาชุมชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสตรีจำนวนกว่า 8,000 คน เข้าร่วมงาน
                นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการพัฒนาศักยภาพสตรี (คณะที่ 1) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การดำเนินงานตามโครงการ คัดเลือกผู้นำสตรีรุ่นใหม่กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี “SMART LADY Thailand ผู้หญิงสวย...ด้วยความคิด” ว่า เป็นการขับเคลื่อนกิจกรรม/โครงการ ของคณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพสตรี คณะที่ 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและบทบาทผู้นำสตรีรุ่นใหม่ ให้เป็นพลังสร้างสรรค์ประเทศไทยและเพื่อส่งเสริมบทบาทผู้นำสตรีในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน กลุ่มเป้าหมายได้แก่สตรีอายุระหว่าง 18 – 35 ปี สัญชาติไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่มีภูมิลำเนาในประเทศไทย มีบุคลิกภาพที่ดี มีความสามารถในการเรียนรู้ และการทำงานเป็นทีม มีความสนใจการทำงานกิจกรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวมต่อสังคม และมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมกิจกรรมตลอดโครงการ โดยเปิดรับสมัครสตรีเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม – 23 กันยายน 2556 จำนวนประมาณ 10,000 คน แล้วคัดให้เหลือจำนวน 1,200 คน และจำนวน 300 คน ใน 4 ภาค จนเหลือจำนวน 12 คน เข้าบ้านเพื่อพัฒนาศักยภาพสู่ผู้นำสตรีรุ่นใหม่แบบเรียลลิตี้ โดยจะเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาอบรม ให้ความรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ ในมิติต่างๆ เช่น การพัฒนาภาวะผู้นำ ความรู้ในมิติหญิงชาย ความเสมอภาคสตรี การยุติความรุนแรงต่อสตรี การดึงศักยภาพสตรี เพื่อสร้างความตระหนักในการร่วมกันแก้ปัญหาสตรีและปัญหาสังคม ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน - 14 ธันวาคม 2556 โดยจะมีการถ่ายทอดสดตลอด 24 ชั่วโมง ทางสถานี TRUE VISION ช่อง 67 ช่อง HD 120 ช่อง Free TV สัปดาห์ละ 1 วัน และจะประกาศผลผู้ชนะในวันที่ 15 ธันวาคม 2556
            นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวต่อไปว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 2 ปี รัฐบาลได้ริเริ่มนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี แต่งตั้งคณะกรรมการทุกระดับ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งเครือข่ายภาคประชาชนให้ร่วมกันขับเคลื่อนการทำงานของกองทุน โดยยึดหลักการมีส่วนร่วม ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะผลักดันวิสัยทัศน์ของกองทุนในการ “สร้างสรรค์พลังสตรีให้เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ” และมียุทธศาสตร์หลัก 4 ยุทธศาสตร์ที่จะส่งเสริมให้สตรีมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เพิ่ม ช่วยเหลือสตรีกลุ่มด้อยโอกาส ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พัฒนาศักยภาพสตรี และบทบาทของสตรีในการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง และพัฒนาความเข้มแข็งของเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
            นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้หญิงทั่วประเทศมากกว่า 500,000 คน ได้รับประโยชน์จากการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพสตรี ผ่านโครงการเงินอุดหนุน และเงินทุนหมุนเวียนกว่า 40,000 โครงการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสตรีไทยทั่วประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลได้บูรณาการหน่วยงานภาครัฐเพื่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC : One Stop Crisis Center 1300 ซึ่งหนึ่งในภารกิจสำคัญของศูนย์ คือการให้ความช่วยเหลือสตรีด้อยโอกาส หรือสตรีที่ถูกกระทำความรุนแรง และส่งเสริมให้สตรีเข้าถึงสิทธิตามหลักสากล โดยคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั้งระดับตำบล และระดับจังหวัดทั่วประเทศกว่า 1 แสนคน ร่วมเป็นเครือข่ายของศูนย์ช่วยเหลือสังคมด้วย
            นายกฯ กล่าวในตอนท้ายว่า หวังให้โครงการ “Smart Lady Thailand : ผู้หญิงสวย...ด้วยความคิด” ดำเนินการได้อย่างประสบความสำเร็จ สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อตัวเอง พัฒนาศักยภาพตนเอง เพื่อให้พลังของความคิด ความตั้งใจ และความสามารถของผู้หญิงไทยเป็นพลังที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศต่อไป

                                                       -------------------------------------------

ฤดีภรณ์ ศรีใส  สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง

๒๐ กันยายน ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมหารือกับตัวแทนของสมาคมธนาคารไทย เกี่ยวกับมุมมองด้านนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ณ บางกอกคลับ อาคารสาทรซิตี้

               นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันพุธที่ 18 กันยายน 2556 ณ บางกอกคลับ อาคารสาทรซิตี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมหารือกับตัวแทนของสมาคมธนาคารไทย เกี่ยวกับมุมมองด้านนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล

               นายกรัฐมนตรีชื่นชมการจัดงานครั้งนี้ เพราะเป็นโอกาสแรกที่นายกรัฐมนตรีได้พบหารือกับผู้บริหารระดับสูงของทุกธนาคาร เพื่อจะได้รับฟังปัญหาและทำให้การแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการทำธุรกิจทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความจำเป็นในการออกพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ.... หรือ พรบ.2 ล้านล้านบาทว่า เป็นการวางรากฐานสำคัญให้กับเศรษฐกิจไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขัน ลดต้นทุน สร้างโอกาสใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจในระยะยาว

               ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการที่ต้องออกเป็นพระราชบัญญัติเพื่อลงทุนแยกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น เป็นเพราะต้องการความต่อเนื่องของการลงทุนในระยะเวลา 7 ปี เนื่องจากเกรงว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล การดำเนินโครงการต่างๆ อาจจะไม่ต่อเนื่อง ซึ่งถ้าเอกชนได้เห็นว่าการเดินหน้าลงทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่องก็จะสามารถวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับแผนการต่างๆ ของภาครัฐ โดยนายกรัฐมนตรีได้เปรียบเทียบด้วยว่า การลงทุนครั้งใหญ่นี้เหมือนการตัดสินใจเดินไปกู้ธนาคารเพื่อสร้างบ้านใหม่ทั้งหลัง เพราะถ้าการลงทุนอยู่ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีคงจะเป็นเพียงแค่การต่อเติมซ่อมแซม ไม่มีความต่อเนื่อง

               นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า การลงทุนครั้งใหญ่นี้จะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ระหว่างการลงทุนในระยะเวลา 7 ปี จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยให้โตได้มากกว่าปกติอย่างน้อยปีละ 1% และถ้าโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย โดยรองนายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจกับนักธุรกิจว่าการใช้เงินในโครงการต่างๆ จะมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะแต่ละโครงการก่อนที่จะมีการดำเนินการ ต้องผ่านเกณฑ์ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กลั่นกรองโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และส่งเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะอนุมัติโครงการ ภายใต้การกำหนดราคากลางที่เป็นธรรมตามกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. รวมถึงร่วมกับภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นให้มีส่วนเข้ามาช่วยตรวจสอบด้วย

                                                     ------------------------------------------

ฤดีภรณ์ ศรีใส สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง

๒๐ กันยายน ๒๕๕๖

(ข้อมูลจาก thaigov.go.th)

โรคหน้าฝน 6 โรค ที่พบได้บ่อย ๆ ในช่วงหน้าฝนนี้ คือ โรคจากไวรัส คอติดเชื้อ ฉี่หนู อาหารเป็นพิษ ผิวหนังอักเสบ ไข้เลือดออก

              ย่างเข้าสู่กลางปีแบบนี้ก็ได้เวลาเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทยกันแล้ว ดังจะเห็นได้ว่าช่วงนี้ฝนเริ่มตกชุกขึ้น หลายคนจึงต้องตากฝนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้มีผู้ป่วย ด้วยโรคภัยไข้เจ็บหลาย ๆ โรคในช่วงฤดูฝน และเพราะเหตุนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ จึงได้ออกมาเตือนให้ประชาชนระวังการสัมผัสน้ำฝนให้มากขึ้น เพราะในน้ำฝนมีสารปนเปื้อนและเชื้อโรคบางอย่างที่จะทำให้คุณเจ็บไข้ได้ป่วย โดยเฉพาะ 6 โรคยอดฮิตต่อไปนี้
              1. โรคจากไวรัส ทำให้เป็นหวัดคัดจมูกและเกิดอาการไข้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มทารก ต้องระวังการถูกฝนให้มาก เพราะอาจเจ็บป่วยไม่สบาย จนถึงขั้นหลอดลมฝอยอักเสบ รวมทั้งโรคไข้หวัดใหญ่
              2. คอติดเชื้อ สังเกตได้จากจะเริ่มมีอาการเจ็บคอเป็นหลัก จากนั้นจะมีไข้ ปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตามมา บางรายมีน้ำมูกร่วมด้วย เกิดจากการเผลอกลืนน้ำฝนปนเปื้อนลงคอไปจนทำให้คออักเสบ
              3. ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ เนื่องจากอาหารสดตามตลาดอาจได้รับเชื้ออีโคไลจากน้ำฝนที่ปนเปื้อน ซึ่งเชื้ออีโคไลนี้เป็นเชื้อที่ทำให้ลำไส้อักเสบติดเชื้อ จึงทำให้เกิดความผิดปกติในระบบย่อยอาหารตามมา
              4. ผิวหนังอักเสบ น้ำฝนที่ขังตามพื้นถนนนาน ๆ เข้าจะกลายเป็นน้ำเน่าเหม็น เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หากกระเซ็นมาโดนตัวเราก็มีโอกาสเสี่ยงต่อผิวหนังอักเสบได้ ยิ่งไปกว่านั้น น้ำสกปรกยังอาจทำให้แผลติดเชื้อ เกิดเชื้อรา คัน เกิดตุ่มหนองและฝีได้ ดังนั้น แนะนำให้ล้างมือล้างเท้าบ่อย ๆ หลังจากกลับเข้าบ้าน
              5. โรคฉี่หนู เป็นอีกโรคหนึ่งที่ระบาดในช่วงฤดูฝนนี้ แพร่ระบาดได้ในพื้นที่ที่มีน้ำขัง เช่น ทุ่งนา ส่วนในเมือง หากฝนตกทำให้น้ำขังบนถนนออกมาผสมกับท่อระบายน้ำก็มีโอกาสติดเชื้อโรคดังกล่าวได้ แม้ในรายที่รื้อบ้านแล้วมีมูลหนูปนออกมาจนเผลอไปเหยียบเข้าผ่านจากผิวหนังที่เป็นแผลก็จะทำให้ป่วยด้วยโรคนี้ได้ โดยผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดตามตัวโดยเฉพาะน่อง และเบื่ออาหาร
              6. ไข้เลือดออก โรคร้ายที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งยุงลายจะเพาะพันธุ์ได้ดีในหน้าฝนที่มีฝนตกลงมาท่วมขัง หากใครมีไข้สูงมาก ไข้ไม่ยอมลด เบื่ออาหาร รู้สึกอ่อนเพลีย เซื่องซึม ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคไข้เลือดออกก็ได้

                                                        …………………………………………..

ฤดีภรณ์ ศรีใส สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง

19 กันยายน 2556

(ข้อมูล จาก Kapook.com)

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

สำนักงานเกษตรจังหวัดอ่างทองรับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป


ขอความร่วมมืองดจับสัตว์น้ำวันประมงแห่งชาติ

          นายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง แจ้งว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๙ อนุมัติให้วันที่ ๒๑ กันยายน ของทุกปี เป็นวันประมงแห่งชาติ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ ตลอดจนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน โดยจัดให้มีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำตามแหล่งสาธารณะ และขอความร่วมมือจากชาวประมงและประชาชนงดจับสัตว์น้ำทุกชนิด ในวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๖ เป็นเวลา ๑ วัน
----------------------------------------------------

ภาวิณี เรือนนาค/ข้อมูล
3 ก.ย.56